What's O-NET
หลายๆคน คงเคยได้ยินและสงสัยว่า O-NET คืออะไร ย่อมาจากอะไร แล้วเอาไปใช้ทำอะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง วันนี้เรามาดูกันว่า O-NET สำคัญอย่างไรบ้าง ทำไมเด็กๆต้องสอบกัน
O-NET (Ordinary National Educational Test)
การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน เป็นการทดสอบเพื่อวัดความรู้และความคิดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประเมินตามมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จำนวน 51 มาตรฐานการเรียนรู้ ครอบคลุม 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่
*ภาษาไทย
*คณิตศาสตร์
*วิทยาศาสตร์
*สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
*ภาษาอังกฤษ
อัพเดต : O-NET ปรับลดข้อสอบเหลือแค่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เริ่มปีการศึกษา 2558
ใครสามารถทดสอบหรือสอบ O-NETได้บ้าง
O-NET จะใช้วัดความรู้และความคิดนักเรียนใน ชั้น ป.6 ม.3 และ ม.6
เอาคะแนนไปทำอะไรได้บ้าง มีความสำคัญอย่างไร
1. สำหรับชั้น ป.6 และ ม.3 นำคะแนน O-NET เพื่อไปประกอบและสมัครเข้าเรียนในชั้น ม.1 และ ม.4 ตามลำดับ โดยจะใช้คะแนน O-NET 20% จาก 100% และ อีก 80% เป็นคะแนนสอบแต่ละโรงเรียน
2. สำหรับชั้น ม.6 ใช้ O-NET เพื่อประกอบการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในระบบ Admission ถึง 30% และสำหรับน้องที่สอบหมอ กสพท. จะต้องทำคะแนนเฉลี่ยรวมของO-NET ไม่ให้ต่ำกว่า60% มิเช่นนั้น หากสอบตรง กสพท.ติด แต่น้องทำคะแนนO-NET ไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะไม่มีสิทธิ์เข้าศึกษาต่อเลยค่ะ
ช่วงเวลากำหนดการทดสอบ O-Net
สทศ. จะเปิดให้ สมัครประมาณเดือน ก.ค.-พ.ย. ซึ่งในส่วนนี้ ทาง รร. จะสมัครสอบให้น้องๆ ทำให้น้องๆไม่ต้องสมัครสอบO-NETเองเหมือนสนามสอบอื่น และมีทดสอบช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และประกาศผลเดือนมีนาคม ของทุกปี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.niets.or.th
น้องๆก็ได้ทราบไปแล้วว่าการสอบ O-NET นั้นมีความสำคัญมาก นอกจากใช้เพื่อยื่นศึกษาต่อในระดับชั้นต่างๆในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงแล้ว การสอบนี้ยังสามารถสอบได้ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น แก้ตัวปีถัดๆไปไม่ได้เหมือนสนามสอบอื่นนะ ! การเตรียมความพร้อมเมื่อยังมีเวลา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุกสนามสอบ รวมถึงสนามนี้ด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเวลาอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนเป็นประจำ และทำโจทย์ข้อสอบเก่าสม่ำเสมอและอย่าลืมจับเวลา ซึ่งจะเป็นเหมือนการจำลองสนามสอบก่อนน้องจะสอบจริง ส่วนตัวเนื้อหาที่ใช้สอบO-NET นั้นนับว่าไม่ยากเมื่อเทียบสนามสอบอื่น เพราะเป็นการทดสอบความรู้ ที่จะนำมาใช้กับนักเรียนทั้งประเทศ และหากน้องๆกำลังติวเตอร์ตัวต่อตัว พี่ๆจุฬาติวเตอร์อะคาเดมีก็พร้อมที่จะไปช่วยสอนและติวเข้มถึงที่ พร้อมเป็นที่ปรึกษาการเรียน และจะช่วยพาน้องๆไปสู่ รร.ในฝัน คณะที่ใช่ มหาวิทยาลัยในฝันค่ะ
"ความสำเร็จเป็นของคนที่เตรียมพร้อมสำหรับโอกาสเสมอ "
5เหตุผลที่ควรเลือกเรียนตัวต่อตัวกับจุฬาติวเตอร์อะคาเดมี
แตกต่างด้วยการคัดกรองประวัติติวเตอร์
เราคัดกรองติวเตอร์โดยผ่านการเก็บประวัติการศึกษา คุณวุฒิทางการศึกษา ประสบการณ์สอน และติวเตอร์ทุกท่านผ่านการทำแบบทดสอบทางวิชาการ มีการทดสอบสอน และวัดทัศนคติของผู้สอนทุกคน ผู้ปกครองและน้องจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ติวเตอร์ที่รู้จริง สอนเข้าใจ สามารถถ่ายทอดความรู้ พร้อมเทคนิคที่เหมาะสมกับน้องแต่ละคนได้แน่นอนค่ะ
ข้อมูลแน่น ให้คำปรึกษาเรื่องเรียนได้ตลอด 24 ชม.
หากผู้ปกครองและน้องๆมีข้อสงสัย ต้องการให้ช่วยวางแผนวิชาที่จะสมัครเรียน หรือต้องการคำแนะนำการเรียนพิเศษเพื่อเพิ่มเกรดหรือสอบแข่งขัน ทีมวิชาการยินดีให้คำปรึกษาฟรีตลอด 24 ชม.เลยค่ะ
อยู่ที่บ้านก็เรียนพิเศษได้ คุ้มค่า ประหยัดเวลาเดินทาง
ติวเตอร์ของเราสามารถเดินทางไปสอนถึงที่บ้าน โดยอัตราค่าเรียนได้รวมค่าเดินทางพร้อมเอกสารการเรียนแล้วค่ะ หากเทียบกับการเรียนกวดวิชาหรือเรียนกลุ่มใหญ่ๆ ผู้ปกครองก็ไม่ต้องกังวลว่าบุตรหลานจะออกนอกลู่นอกทางไปไม่ถึงกวดวิชาอีกต่อไป ไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง ไม่สิ้นเปลืองค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆค่ะ
สะดวกสบาย จ่ายค่าเล่าเรียนเป็นครั้ง ๆ
การเรียนพิเศษตัวต่อตัวของเรากำหนดให้เรียนครั้งละ 2 ชม. ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ และจ่ายค่าเล่าเรียนเป็นครั้งหลังเรียนเสร็จได้เลย ซึ่งแตกต่างกับสถาบันกวดวิชาตรงที่ส่วนใหญ่จะกำหนดให้จ่ายเป็นคอร์ส ซึ่งการเรียนตัวต่อตัวกับเรานั้นจะไม่มีการผูกมัด หากครั้งไหนที่ผู้เรียนอาจจะไม่สบาย ติดธุระอื่นๆ ก็ของดกับผู้สอนของเราได้ค่ะ
สอนแบบพี่สอนน้อง ไกล้ชิด ติดตามผล
เรียนแบบเข้าใจและเข้าถึง พี่ติวเตอร์มีเอกสารการเรียนให้พร้อม และหากน้องต้องการให้สอนเสริมจากหนังสือเรียนก็ย่อมทำได้ ไม่ว่าจะสอนการบ้าน ติวโจทย์ก่อนสอบ เก็งข้อสอบกลางภาค-ปลายภาค น้องๆสามารถแจ้งติวเตอร์ของเราได้ค่ะ พี่ติวเตอร์ทุกคนมีวิธีสอนที่เหมาะกับน้องเป็นรายบุคคล และจะมีการทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียนในแต่ละเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ